Cool Blue Outer Glow Pointer
 

เศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข

เศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ประกอบไปด้วยอะไรบ้างนั้น เราได้สรุปรวบยอดมาให้เข้าใจได้ง่ายๆ พร้อมทั้งนำภาพประกอบความเข้าใจ มาให้ดูด้วยเพื่อความเข้าใจที่แจ่มแจ้งขึ้น

พระราชดำรัส " เศรษฐกิจพอเพียง "

" ...การจะเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง......"

การจำแนกเครฟิชสาย C หรือกุ้งก้ามแดงออสเตรเลีย

กุ้งเรนโบว์(ไทย) หรือ Redclaw Clayfish(สามัญ) ชื่อวิทยาศาสตร์: Cherax quadricarinatus' เป็นกุ้งสายพันธุ์แรกที่นำเข้ามาในไทย

กุ้งยอดฮิต เครย์ฟิช สัตว์น้ำชนิดใหม่ของวัยรุ่น (เทคโนโลยีชาวบ้าน)

กุ้งเครย์ฟิช กลายเป็นแฟชั่นใหม่ของวัยรุ่นที่ชอบเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามไปซะแล้ว ด้วยความที่มีสีสันหลากหลายสวยงาม และเป็นสัตว์น้ำที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีรูปร่างบึกบึนน่าเกรงขาม เลี้ยงง่าย

"กุ้งก้ามแดง" อึด ทน ดี แต่แพ้ "สารเคมี"

โดยลักษณะเด่นที่สุด ของ กุ้งก้ามแดง หรือ ล็อบเตอร์น้ำจืด มีนิสัย ทั้ง อีด ทน กินได้ทุกอย่าง เกลียดอย่างเดียวคือ “สารเคมี” เท่านั้น….

10/17/2559

พระราชดำรัส " เศรษฐกิจพอเพียง "



" ...การจะเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง......"

พระราชดำรัส "เศรษฐกิจแบบพอเพียง" พระราชทานเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540


“เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็ม
ที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็ม และลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ำไป”
(พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : จากวารสารชัยพัฒนา)

“เศรษฐกิจพอเพียงแปลว่า Sufficiency Economy
คำว่า Sufficiency Economy นี้ ไม่มีในตำราเศรษฐกิจ. จะมีได้อย่างไร เพราะว่าเป็นทฤษฎีใหม่
Sufficiency Economy นั้น ไม่มีในตำรา เพราะหมายความว่าเรามีความคิดใหม่…และโดยที่ท่านผู้เชี่ยวชาญสนใจ ก็หมายความว่า เราก็สามารถที่จะไปปรับปรุง หรือไปใช้หลักการ เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจของประเทศและของโลกพัฒนาดีขึ้น”
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๒)

พระราชดำรัส เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็น ปรัชญา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชดำรัส ชี้แนะ แนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยพิจารณาจากพระราชดำรัส ซึ่งพระราชทานแก่คณะผู้แทนสมาคม องค์การเกี่ยวกับศาสนา ครู นักเรียนโรงเรียนต่างๆนักศึกษามหาวิทยาลัยในโอกาส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 4 ธันวาคม 2517 ดังความตอนหนึ่งว่า 


"...คนอื่นจะว่าอย่างไร ก็ช่างเขาจะว่าเมืองไทยล้าสมัยว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่ไร พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบและทำงานตั้งจิตอธิษฐานตั้งปณิธาน ในทางนี้ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบเปรียบเทียบกับ ประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษา ความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้ ประเทศต่างๆในโลกนี้กำลังตก กำลังแย่ กำลังยุ่ง เพราะแสวงหาความยิ่งยวด ทั้งในอำนาจ ทั้งในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ทางอุตสาหกรรม ทางลัทธิ ฉะนั้น ถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความคิดและมีอิทธิพล มีพลังที่จะทำให้ผู้อื่นซึ่งมีความคิดเหมือนกัน ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำ พอควร พออยู่พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัตินี้จากเราไปได้ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวร ที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล..."

และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ประกอบกับพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม 2540 ดังความว่า 


"....ความจริงเคยพูดเสมอในที่ประชุมอย่างนี้ว่า การจะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้นหมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง อันนี้ก็เคยบอกว่าความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่ง บางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้ แต่ขาย ในที่ไม่ห่าง ไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก อย่างนี้ท่านนักเศรษฐกิจต่างๆ ก็มาบอกว่าล้าสมัยคนอื่นเขาต้อง มีการเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการแลกเปลี่ยน เรียกว่าเป็น เศรษฐกิจการค้าไม่ใช่เศรษฐกิจความพอเพียง เลยรู้สึกว่าไม่หรูหรา แต่เมืองไทยเป็นประเทศที่มีบุญอยู่ว่า ผลิตให้พอเพียงได้...."
Share:

เศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข


เศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ประกอบไปด้วยอะไรบ้างนั้น เราได้สรุปรวบยอดมาให้เข้าใจได้ง่ายๆ พร้อมทั้งนำภาพประกอบความเข้าใจ มาให้ดูด้วยเพื่อความเข้าใจที่แจ่มแจ้งขึ้น ซึ่ง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข นั้น แท้จริงแล้ว เป็นบทสรุปของเศรษฐกิจพอเพียง นั่นเอง คือสรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้

รูปภาพเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข


3 ห่วง คือทางสายกลาง ประกอบไปด้วย ดังนี้
  • ห่วงที่ 1 คือ พอประมาณ หมายถึง พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่เบียดเบียนตนเอง หรือผู้อื่นให้เดือดร้อน
  • ห่วงที่ 2 คือ มีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
  • ห่วงที่ 3 คือ มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเอง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล

2 เงื่อนไข ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่

เงื่อนไขที่ 1 เงื่อนไขความรู้ คือ มีความรอบรู้เกี่ยวกับ วิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความระมัดระวังในขั้นตอนปฏิบัติ คุณธรรมประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

เงื่อนไขที่ 2 เงื่อนไขคุณธรรม คือ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

นั่นคือสรุปรวบยอดของ เศรษฐกิจพอเพียง สรุปได้เป็น 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ดังที่ได้กล่าวมา หลายๆคนอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ แล้วคงกระจ่างกันสักที เกี่ยวกับ เศรษฐกิจพอเพียงแบบ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น

ที่มา : http://เศรษฐกิจพอเพียง.net/


Share:

8/18/2559

การเตรียมบ่อหรือสถานที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดง



น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดง
     น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดงอาจจะเป็นน้ําดื่ม น้ำบาดาล น้ำประปา ก็ได้ ถ้าเป้นน้ำประปาควรมีการพักน้ำเสียก่อน คือการเปิดน้ําทิ้งไว้ สัก 5-7 วันเพื่อที่จะให้ คลอรีนเจอจางไปเสียก่อน เพราะกุ้งก้ามแดงเป็นกุ้งที่ไวต่อสารเคมี ถ้ามีสารเคมีเพียงนิดเดียวก็สามารถทําให้ตายได้การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงนั้น สามารถเลี้ยงได้ ทั้งในบ่อดิน บ่อปูน กะละมัง ถัง ตู้กระจก บ่อผ้าใบ บ่อพลาสติก ในขวด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละท่าน ซึ่งจะสามารถเตรียมได้เป็น 3 กรณี

1. บ่อดิน บ่อดินเป็นบ่อเลี้ยงที่ใช้พื้นที่มาก จึงต้องเตรียม บ่อให้ดี เริ่มได้จาก
- ขั้นตอนแรกควรจัดการกับศัตรูของลูกกุ้งให้ดีเช่น ปลา ปู หอย เป็นต้น ห้ามมีเป็นอันขาดไม่งั้นอาจจะเกิดการสูญเสียได้
- ขั้นตอนต่อไปอาจจะปูขอบบ่อด้วยพลาสติกกันน้ํากัดเซาะ
- ล้อมขอบบ่อด้วยตาข่ายเพื่อกันกุ้งหลบหนี
- ปล่อยน้ําเข้าไปพร้อมใส่พวกสถานที่หลบให้กุ้งเช่นก้านมะพร้าว ท่อ PVC ขวดน้ําพลาสติกตัดหัวท้าย ใส่ลงไปเยอะๆเลย ยิ่งรก ยิ่งรอดพร้อมปล่อยกุ้งลงเลี้ยงได้เลย
*** บ่อดินไม่ต้องเปลี่ยนน้ํา สามารถเลี้ยงไปตลอดจนจับขาย แต่จะได้เติมน้ําเข้าอยู่ตลอดเพราะน้ํามีการระเหย


2. บ่อปูน (กลม),บ่อที่ทําจากซีเมนเป็นบ่อเลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะทนทานใช้พื้นที่ไม่มากนักง่ายต่อการเก็บผลผลิต แต่วิธีการเตรียมบ่อก่อนเลี้ยงกุ้งนั้นใช้ระยะเวลานานพอสมควร เนื่องจากปูนมีฤทธิ์เป็นด้างแก่ จึงไม่เหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง มีวิธีการเตรียมบ่อดังนี้
- ขั้นตอนแรกควรปิดรอยรั่วบริเวณข้อต่อเสียก่อน
- จากนั้น เติมน้ําให้เต็มบ่อ พร้อมกับใส่ต้นกล้วยลงไป
- ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน ถ้าสังเกตเห็นลูกน้ําอยู่ในบ่อก็แปลว่าบ่อนั้นใช้เลี้ยงกุ้งได้แล้ว
***ข้อควรระวัง บ่อปูน เมื่อระยะเวลาผ่านไป ปูนจะคลายความเป็นด่างออกมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นควรเปลี่ยนน้ําใหม่ทุกๆ 7-10 วัน 




***ข้อควรระวังควรปิดปากบ่อให้ดี มิเช่นนั้นกุ้งจะสามารถปินออกได้***

เลี้ยงในขวด
เลี้ยงในกระชัง
เลี้ยงในนาข้าว
  สําหรับพื้นที่ที่ดินเก็บน้ําไม่อยู่ ขอแนะนําบ่อพลาสติกแล้วถมด้วยดิน โดยเริ่มจากขุดดินให้ลึกสัก 50-60 ซม.แล้วถมด้วยดิน ความลึกประมาณ 20-30 ซม. แล้วก็อาจจะใส่พืชน้ํา เช่น จอก แหน สาหร่าย ลงไปเพื่อช่วยในการบําบัดน้ําเสีย ก็ได้ เพียงเท่านี้ก็ คุณสมบัติของบ่อก็ใกล้เคียงกับบ่อดินแล้ว



ขอบคุณที่มา : crayfishfarmth





Share:

8/03/2559

มาทำความรู้จักกับกุ้งก้ามแดง

สีสันหลากหลายแต่ที่นิยมมากจะเป็นสีนี้
ถ้าพูดถึงอาหารที่จะมาจากแม่น้ำหรือว่ามาจากทะเลแล้วทุกคนต้องจะนึกถึงปลา และ กุ้ง ซึ่งวันนี้ผมจะมาแนะนำ อาชีพเกษตรกรรม ที่สบายทำงานในร่มไม่ต้องตากแดดให้ตัวดำและยังเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่กำลัง เป็นที่ต้องการของตลาดได้อีกเพราะว่าความนิยมในการกิน กุ้งก้ามแดง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กุ้งเครฟิช มีอยู่ทั่วโลก โดยเราจะคุ้นหูคำว่ากุ้งล็อปเตอร์ นั้นเอง ซึ่งประเทศที่สามารถส่งออกไปได้ก็คือ สหรัฐอเมริกา ยุโรปและออสเตรเลีย นอกจาก 3 แห่งนี้ ร้านอาหารทั่วโลกก็ยังมีเมนูอาหารนี้ด้วยเช่นกัน ผมพูดอย่างนี้พอจะเห็นภาพกว้างๆของตลาด กุ้งก้ามแดง แล้วใช่ไหมครับงั้นไปดูดีกว่าครับว่าเขาเลี้ยงกันอย่างไร


กุ้งก้ามแดงเมื่อมาทำเป็นอาหาร
กุ้งก้ามแดง หรือ กุ้งเครฟิช มีถิ่นกำเนิดมาจาก ออสเตรเลีย เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาด 12 นิ้วอายุเฉลี่ยโดย 4ปี ในธรรมชาติ และ 2-3 ปี เมื่อเลี้ยงในตู้กระจก อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเลี้ยง 25-28 องศา โดยผู้ที่นำกุ้งชนิดนี้มาเลี้ยงเป็นคนแรกก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเล็งเห็นความต้องการของตลาด ทรงทดลองเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารก่อน ลักษณะในการเจริญเติบโตของกุ้งก้ามแดงนี้จะเป็นกุ้งที่โตเร็วและมีขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นของกุ้มก้ามแดงคือ มีสีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งด้วยสีสันที่มีมากมายนั้นเองเลยทำให้ตลาดของกุ้งก้ามแดงนี้มีอยู่ 2 ตลาดด้วยกันคือตลาดอาหารและตลาดการเลี้ยงเพื่อสวยงามนั่นเอง
ด้วยสีสันที่หลากหลายของกุ้งเครฟิช ทำให้เป็นที่สนใจของผู้เลี้ยงสัตว์น้ำสวยงาม

การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง


เลี้ยงในบ่อ ปูน

          ควรเตรียมบ่อที่จะเลี้ยงด้วยการเติมน้ำเข้าไปประมาณ 30 – 40 เซนติเมตร หลังจากนั้นก็เติมเหลือแกงลงไปในอัตราส่วนเติมเกลือ อัตราน้ำ 1000 ลิตร ต่อ 1 กิโลกรัม หลังจากนั้นอย่าพึ่งปล่อย กุ้งก้ามแดง ลงให้ทำการปั้มอากาศหรือเติมอากาศให้กับบ่อที่เตรียมน้ำไว้ซักประมาณ 5 -6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยแล้วค่อยนำกุ้งลงปล่อย การปล่อยกุ้งนั่นอย่าปล่อยเยอะเกินไปเพราะกุ้งชนิดนี้มีนิสัยห่วงถิ่นและ อาณาเขตอย่างมาก เพราะถ้าอยู่ในจำนวนเยอะเกินไปจะมีการกินกันได้ อาหารของกุ้งก้ามแดงนั้นสามารถหาได้ทั่วไปเพราะกุ้งชนิดนี้กินได้ทั้งผักและ เนื้อ ส่วนมากแล้วจะเป็นพวกกุ้งฝอยจะดีมากแต่การให้อาหารแต่ละครั้งควรให้ในปริมาณ ที่พอดีในการกินอาหารของกุ้งด้วยเพราะถ้าให้มากเกินไปกุ้งอาจจะมีลักษณะหัว ที่แตกเหมือนกับลอกคราบก็ได้เช่นกัน สิ่งสำคัญควรรักษาอุณหภูมิน้ำให้อยู่ประมาณ 20 -30 องศาเซลเซียส และเปลี่ยนน้ำทุก ๆ 2 สัปดาห์ แต่และการเปลี่ยนน้ำแต่ละครั้งไม่ควรที่จะเปลี่ยนน้ำเก่าจนหมดเพราะอาจจะทำ ให้กุ้งน็อคน้ำได้


ลูกกุ้งก้ามแดงน่ารัก ๆ
                การขยายพันธุ์ กุ้งก้ามแดง นั้นทำได้ไม่ยากเพียงนำตัวผู้ 1 ตัวต่อตัวเมีย 3 ตัวมาไว้ในบ่อเดียวกันซึ่งการผสมพันธุ์จะใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นก็นำตัวเมียออกมาไว้ในบ่ออนุบาล รอเวลาในการฟักไข่จนเป็นตัวก็ประมาณ 1 เดือน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิสภาพน้ำด้วยเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaiarcheep.com




Share:

วิธีดูเพศกุ้งก้ามแดง


กุ้งก้ามแดงเพศผู้ จะมีถุงน้ําสีแดงบริเวณข้างก้ามทั้ง2 ข้างและเพศผู้ตําแหน่งอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ที่โคนขาคู่สุดท้ายอาจจะสังเกตุความแตกต่างได้ยากสักหน่อยนะครับ หากกุ้งมีขนาด3นิ้วขึ้นไปก็จะดูง่ายขึ้น


กุ้งก้ามแดงเพศเมีย จะไม่มีถุงน้ําบริเวณก้าม ก้ามจะเรียว และอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศเมียจะอยู่บริเวณโคนขาคู่ที่3 (นับจากขาคู่หลังขึ้นมา)



ที่มา : crayfishfarmth
Share:

เกษตรทฤษฎีใหม่

เกษตรทฤษฎีใหม่